เน็ตวิ่งไม่เต็มสปีดเป็นปัญหาที่สร้างความหงุดหงิดให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะช่วง Work From Home ที่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการประชุม ส่งไฟล์งาน หรือติดต่อสื่อสารต่าง ๆ วันนี้เรามีวิธีแก้ไขปัญหาเน็ตบ้านอืดที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง
6 วิธีแก้ปัญหาเน็ตวิ่งไม่เต็มสปีดด้วยตัวเอง
ก่อนจะโทรหาช่างหรือเปลี่ยนผู้ให้บริการ ลองตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเน็ตวิ่งไม่เต็มสปีดด้วย 6 วิธีง่าย ๆ ต่อไปนี้ที่จะช่วยให้อินเทอร์เน็ตของคุณกลับมาเร็วดั่งใจอีกครั้ง
1. เช็กระยะห่างระหว่างมือถือกับจุดที่วาง Router
ระยะห่างระหว่างอุปกรณ์กับ Router มีผลโดยตรงต่อความเร็วอินเทอร์เน็ต ระยะที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 5-7 เมตร โดยเฉพาะเมื่อใช้คลื่นสัญญาณ 5G ที่ให้ความเร็วสูงแต่ทะลุผ่านกำแพงได้น้อย หากจำเป็นต้องใช้งานในระยะไกลกว่า 7 เมตร แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้คลื่น 2.4G ที่ส่งสัญญาณได้ไกลกว่า หรือติดตั้ง Access Point เพิ่มเติมเพื่อขยายพื้นที่การใช้งาน
2. เช็กคลื่นสัญญาณที่ใช้อยู่ ว่ามีการจับสัญญาณ 5G หรือไม่
บางครั้งมือถืออาจสลับไปจับคลื่น 2.4G โดยอัตโนมัติ ทำให้ความเร็วลดลง สามารถตรวจสอบและเปลี่ยนการตั้งค่าได้ที่เมนู Settings > Wi-Fi แล้วเลือกเครือข่ายที่มีคำว่า “5G” หรือ “5GHz” ต่อท้าย การใช้คลื่น 5G จะให้ความเร็วสูงกว่าและมีสัญญาณรบกวนน้อยกว่า เหมาะสำหรับการสตรีมวิดีโอความละเอียดสูงหรือการประชุมออนไลน์
3. เช็กหน่วยความจำ (RAM) และความจุของโทรศัพท์ (ROM)
ประสิทธิภาพของอุปกรณ์มีผลต่อความเร็วอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ที่มี RAM น้อยหรือพื้นที่เหลือน้อยจะประมวลผลข้อมูลได้ช้า ตัวอย่างเช่น iPhone 11 ที่มี RAM 4GB และ ROM 128GB สามารถรับ-ส่งสัญญาณ Wi-Fi ได้ที่ความเร็วเฉลี่ย 791 Mbps ควรตรวจสอบและเคลียร์พื้นที่เก็บข้อมูลเป็นประจำ รวมถึงปิดแอปที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน
4. เช็กจำนวนผู้ใช้งานในช่วงเวลาเดียวกันพร้อม ๆ กัน
หากมีผู้ใช้งานหลายคนในเวลาเดียวกัน แบนด์วิดท์จะถูกแบ่งใช้ ทำให้ความเร็วลดลง โดยเฉพาะในช่วง Work From Home ที่ทุกคนต้องใช้อินเทอร์เน็ตพร้อมกัน แนะนำให้เลือกแพ็กเกจความเร็วให้เหมาะสมกับจำนวนผู้ใช้ หากพบปัญหาเน็ตค้าง ลองรีสตาร์ท Router โดยปิดทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วเปิดใหม่
5. ลองเซ็ต Router ให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
Router ที่ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นอาจเสี่ยงต่อการถูกแฮกหรือมีผู้อื่นแอบใช้งาน ควรเปลี่ยนรหัสผ่าน Wi-Fi และตั้งค่าความปลอดภัยใหม่หลังการติดตั้ง แนะนำให้ใช้การเข้ารหัสแบบ WPA3 หรืออย่างน้อย WPA2 และเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำเพื่อป้องกันการลักลอบใช้งาน
6. ตรวจสอบอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ไวรัสและมัลแวร์สามารถทำให้อุปกรณ์ส่งข้อมูลโดยไม่จำเป็น ส่งผลให้ใช้แบนด์วิดท์สิ้นเปลือง ควรติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและอัพเดทระบบปฏิบัติการให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด รวมถึงสแกนไวรัสเป็นประจำเพื่อป้องกันปัญหาเน็ตช้าที่เกิดจากมัลแวร์
สรุปบทความ
การแก้ปัญหาเน็ตวิ่งไม่เต็มสปีดสามารถทำได้หลายวิธี เริ่มตั้งแต่การจัดวาง Router ให้เหมาะสม เลือกใช้คลื่นสัญญาณที่ถูกต้อง ดูแลอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งาน และตั้งค่าความปลอดภัยให้รัดกุม หากทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้วยังพบปัญหา แนะนำให้ติดต่อผู้ให้บริการเพื่อตรวจสอบคุณภาพสัญญาณในพื้นที่ของคุณ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุด